การดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กวัย 6 ปี ถึง 16 ปี(วัยเด็กโต-วัยรุ่น)
ปรากฎการณ์ที่พบเป็นปกติ
ภาวะเปลี่ยนแปลงของฟัน (ในวัยเด็กโต)
• เด็กอายุ 7-12 ปี เป็นวัยที่เปลี่ยนจากฟันน้ำนมเป็นฟันแท้
• ต้องรักษาความสะอาดในช่องปากเป็นประจำทุกวัน และบริโภคอาหารที่เหมาะสมเพื่อรักษาฟันแท้ให้ดีตลอดไป
การเปลี่ยนแปลงของเด็กวัยนี้ที่ส่งผลต่อการมีฟันผุ
• กิจกรรมต่างๆในโรงเรียน การเล่นกีฬา การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร นิสัยการแปรงฟันและการพบทันตแพทย์ที่ไม่สม่ำเสมอ เหล่านี้ล้วนมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อสุขภาพช่องปากของเด็กวัยนี้
ปัญหาที่พบบ่อย
• อาการเจ็บเหงือกจากการขึ้นของฟันแท้
• การสูญเสียชั้นเคลือบฟัน เพราะบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีกรดเป็นประจำ
• ฟันบิ่นหรือหัก ที่เกิดจากอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา
• ฟันน้ำนมผุจากการติดเชื้อ และอาจลุกลามไปสู่ฟันแท้
• แบคทีเรียสะสมที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบและอาจร้ายแรงจนเป็นโรคปริทันต์ จนต้องสูญเสียฟัน
• มีกลิ่นปากที่รุนแรง
ตรวจสอบพฤติกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากดีพอหรือไม่
1. แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
2. ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
3. ใช้น้ำยาบ้วนปากอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
4. มีการแปรงฟันอย่างถูกวิธี
5. เข้าพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
6. เข้ารับการเอ็กซ์เรย์ฟันทุก 2 ปี
7. เปลี่ยนแปรงสีฟันใหม่ทุก 3 เดือน
ถาม-ตอบ
1. ฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดเมื่อไหร่
• ฟันน้ำนมซี่แรกมักจะหลุดเมื่อเด็กมีอายุครบ 6 ปี และฟันน้ำนมซี่สุดท้ายมักจะหลุดเมื่อเด็กมีอายุครบ 12 ปี
2. อะไรเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษเมื่อฟันแท้ขึ้นแล้ว
• ร่องหลุมฟันบริเวณฟันกรามบดเคี้ยว เพราะเป็นแหล่งสะสมคราบแบคทีเรีย ควรพบทันตแพทย์เพื่อทำการเคลือบหลุมร่องฟัน หรือหมั่นทำความสะอาดให้ทั่วถึง
3. วัยเด็กโตนี้มีอะไรที่ควรระวังเป็นพิเศษบ้าง
• หัดแปรงฟันอย่างถูกวิธี สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 8 ปี และยังใช้กล้ามเนื้อข้อมือในการแปรงฟันไม่ดีพอ ควรให้ผู้ปกครองช่วยดูแลระหว่างการแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
• ผู้ปกครองควรหัดให้เด็กใช้ไหมขัดฟันทันทีเมื่อมีฟันแท้ขึ้น เริ่มได้เมื่อเด็กมีอายุประมาณ 13 ปี หรือดูจากฟันที่ขึ้นมีการเรียงตัวเบียดชิดกัน ก็เริ่มใช้ไหมขัดฟันได้แล้ว
4. เด็กควรได้รับการจัดฟันเมื่อไร
• ในกรณีที่มีความจำเป็น แนะนำให้เริ่มจัดฟันเมื่อฟันแท้ของเด็กขึ้นครบทุกซี่แล้ว หรือประมาณอายุครบ 12 ปี
5. การดูแลรักษาความสะอาดฟันในขณะจัดฟันมีอะไรบ้าง เพราะการจัดฟันมีค่าใช้จ่ายที่สูง อีกทั้งอุปกรณ์จัดฟันยังเป็นแหล่งสะสมเศษอาหารและคราบแบคทีเรีย จึงควรปฏิบัติดังคำแนะนำ ต่อไปนี้
• หลีกเลี่ยงอาหารทีแข็ง และเหนียว
• หลีกเลี่ยงนิสัยบางอย่าง เช่น การกัดเล็บ การดุนลิ้นเล่น การกัดดินสอ และการแคะลวดจัดฟันเล่น
• ใช้ยาเม็ดสีสำหรับตรวจดูคราบแบคทีเรียที่ฟันเป็นระยะๆ
• ใช้แปรงสำหรับทำความสะอาดซอกฟัน และที่ร้อยไหมขัดฟัน
• ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนผสม
คำแนะนำ
1. เมื่อเด็กมีอายุครบ 6 ปี ควรใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนผสมในปริมาณมากขึ้นกว่าวัยเด็กเล็ก เพื่อป้องกันฟันผุ
2. เริ่มใช้น้ำยาบ้วนปากได้เมื่อเด็กอายุครบ 6 ปี เพื่อช่วยลดการเกิดคราบแบคทีเรียรวมถึงช่วยลดการเกิดฟันผุ
3. การสูญเสียน้ำจากการเล่นกีฬา จะทำให้ปริมาณน้ำลายในช่องปากลดลง มีโอกาสเกิดฟันผุได้มาก จึงควรเลือกดื่มน้ำสะอาดแทนเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของน้ำตาล กรดเคมี และคาเฟอีน เช่น น้ำอัดลม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มเกลือแร่ เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะจะทำให้ระดับน้ำลายเปลี่ยนแปลง